มะเดื่อฝรั่ง (Figs) ถือเป็นไม้กระแสอีกตัวนึงที่คนนิยมปลูกเพื่อทำพันธุ์ขาย แต่คนที่ปลูกมะเดื่อฝรั่งเพื่อขายผลนั้นกลับมีน้อยมาก ดังนั้นที่ฟาร์มก็เลยนำมาปลูกเอาไว้เพื่อทดสอบสายพันธุ์ หลักๆ ที่ปลูกเอาไว้ก็มี จินโอเฟ่น (Jin Ao Fen), อีรัคกี้ (Iraqi), แบล็คจีนัว (Black Genoa) และ BTM6 (ญี่ปุ่น)
มะเดื่อฝรั่ง เป็นพืชที่จะไม่ออกผลซ้ำที่เดิม ดังนั้นเมื่อเก็บผลผลิตออกแล้วจึงมีการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ลำต้นแตกกิ่งใหม่ออกมา ถึงจะออกผลรอบใหม่อีกครั้ง ผลมะเดื่อฝรั่งจะอร่อยที่สุดเมื่อสุกงอมเท่านั้น และไม่สามารถเก็บก่อนกำหนดได้เนื่องจากพอเด็ดออกจากลำต้นแล้ว ผลมะเดื่อฝรั่งจะไม่สุกเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นถ้าจะทานมะเดื่อฝรั่งให้มีรสชาติที่อร่อยที่สุดต้องปล่อยให้สุกคาต้นเท่านั้น
มะเดื่อฝรั่ง เมื่อเก็บผลออกจากลำต้นแล้วจะอยู่ได้อีก 2-3 วันก็จะเริ่มเน่าเสีย ดังนั้นจึงเป็นปัญหาต่อการขายผลสดเป็นอย่างมาก ช่วงหลังจึงมีคนนิยมนำไปแปรรูปแบบต่างๆ เช่น ทำมะเดื่อฝรั่งอบแห้ง
มะเดื่อฝรั่งสายพันธุ์จินโอเฟ่น (Jin Ao Fen) จะเห็นว่าจะมีผลเฉพาะกิ่งที่แตกออกมาใหม่ด้านข้าง ส่วนกิ่งแก่สีน้ำตาลตรงกลางซึ่งเคยติดลูกมาแล้ว จะไม่ติดลูกซ้ำอีก
มะเดื่อฝรั่งต้นนี้ ตอนที่เริ่มปลูกจะมีแค่กิ่งแก่ตรงกลางแค่กิ่งเดียว หลังจากที่รดน้ำพรวนดินมาได้ระยะหนึ่ง กิ่งด้านข้างก็เริ่มแตกออกมา และยอดพุ่งสูงกว่ากิ่งเดิมตรงกลาง จากนั้นก็จะเริ่มติดลูก
ในรูปข้างบนนี้เป็นมะเดื่อฝรั่งสายพันธุ์อิรักกี้ (Iraqi) ถือเป็นอีกสายพันธุ์ที่คนนิยมปลูกกันเยอะ รากแข็งแรง ผลมีรสชาติที่ใช้ได้
มีกิ้งก่ามาคอยเฝ้าทุกวัน
มะเดื่อฝรั่งสายพันธุ์แบล็คจีนัว (Black Genoa) เป็นสายพันธุ์ที่โครงการหลวงนำมาทำผลขาย
ด้านซ้านลูกเล็กพันธุ์อิรักกี้ ด้านขวาลูปใหญ่พันธุ์แบล็คจีนัว