กัญชง (Hemp) เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Cannabaceae และอยู่ในสกุล Cannabis เช่นเดียวกับกัญชา (Marijuana) แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ทางจิตประสาท กัญชงมี THC ต่ำกว่า 0.3% จึงไม่จัดเป็นสารเสพติดและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรม อาหาร สิ่งทอ เครื่องสำอาง และการแพทย์
ปัจจุบันกัญชงได้รับการยอมรับให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในหลายประเทศ เนื่องจากมีการนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

1. ความแตกต่างระหว่างกัญชงและกัญชา
หัวข้อ | กัญชง (Hemp) | กัญชา (Marijuana) |
---|---|---|
ปริมาณ THC | ต่ำกว่า 0.3% | สูงกว่า 0.3% |
ฤทธิ์ต่อจิตประสาท | ไม่มีผลทำให้มึนเมา | ทำให้เกิดอาการมึนเมา |
การนำไปใช้ | อุตสาหกรรม อาหาร สิ่งทอ เครื่องสำอาง การแพทย์ | ใช้ในทางการแพทย์และสันทนาการ |
โครงสร้างต้น | สูงและเรียว ใบมีลักษณะบาง | เตี้ยกว่า ใบหนาแน่น |
การปลูก | ปลูกกลางแจ้ง มักปลูกเป็นแถวแน่น ๆ | ปลูกในระบบควบคุมเพื่อเพิ่มสารออกฤทธิ์ |
แม้ว่าทั้งสองพืชจะมาจากสายพันธุ์เดียวกัน แต่มีการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
2. ประโยชน์ของกัญชง
2.1 อุตสาหกรรมสิ่งทอและวัสดุชีวภาพ
- เส้นใยกัญชงมีความเหนียวและทนทานกว่าฝ้าย
- ใช้ทำเสื้อผ้า เชือก พรม และกระดาษ
- สามารถใช้เป็น วัสดุก่อสร้าง เช่น Hempcrete ซึ่งเป็นวัสดุคล้ายปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2.2 อาหารและโภชนาการ
- เมล็ดกัญชงมีโปรตีนสูงและเป็นแหล่งของ โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6
- ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น นมกัญชง น้ำมันกัญชง และโปรตีนจากกัญชง
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดอะมิโนที่จำเป็น
2.3 เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- สาร CBD (Cannabidiol) ที่สกัดจากกัญชงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยบำรุงผิว
- ใช้เป็นส่วนผสมใน ครีม โลชั่น น้ำมันนวด และสบู่
- ช่วยลดอาการแพ้และการเกิดสิว
2.4 การแพทย์และสุขภาพ
- สารสกัดจากกัญชง (CBD) มีสรรพคุณช่วยบรรเทาความเครียด ลดอาการปวด และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
- ช่วยลดอาการลมชัก และอาการของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
- ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
2.5 พลังงานและสิ่งแวดล้อม
- ใช้ผลิต ไบโอดีเซล และเชื้อเพลิงชีวภาพ
- ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และลดปริมาณสารพิษในดิน
- ใช้เป็น พลาสติกชีวภาพ ที่ย่อยสลายได้

3. วิธีการปลูกกัญชง
3.1 การเลือกพื้นที่ปลูก
- ควรเป็นพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดตลอดวัน
- ดินควรมี ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ระหว่าง 6.0-7.5 และมีการระบายน้ำที่ดี
3.2 วิธีการปลูก
1) การปลูกกลางแจ้ง (Outdoor Hemp Cultivation)
- เหมาะสำหรับการปลูกเพื่อผลิตเส้นใยและเมล็ด
- ใช้ระยะปลูกแน่นเพื่อลดการเจริญเติบโตของวัชพืช
- ต้องควบคุมศัตรูพืช เช่น หนอนผีเสื้อ เพลี้ยไฟ และไรแดง
2) การปลูกในร่ม (Indoor Hemp Cultivation)
- เหมาะสำหรับการปลูกกัญชงที่เน้นการสกัดสาร CBD
- ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่า
- ต้องใช้ไฟปลูกพืชและระบบควบคุมอากาศ

4. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
- กัญชงเป็น พืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
- มีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากมาย เช่น อาหาร สิ่งทอ การแพทย์ และพลังงาน
- มีโอกาสสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
5. กฎหมายและข้อกำหนดในการปลูกกัญชงในประเทศไทย
- การปลูกกัญชงในประเทศไทยต้องได้รับ อนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- มีข้อกำหนดเกี่ยวกับ ปริมาณ THC ต้องไม่เกิน 0.3% ตามมาตรฐานสากล
- สามารถปลูกเพื่อ ใช้ในเชิงอุตสาหกรรม อาหาร และการแพทย์
6. สรุป
กัญชง (Hemp) เป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในด้านอุตสาหกรรม อาหาร สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ด้วยความที่เป็นพืชที่เติบโตเร็วและใช้ทรัพยากรในการเพาะปลูกน้อย ทำให้กัญชงกลายเป็น พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต ที่มีศักยภาพในการพัฒนาในหลายอุตสาหกรรม
แม้ว่ากัญชงจะถูกควบคุมโดยกฎหมาย แต่แนวโน้มของตลาดกัญชงทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้