พาร์สลี่ย์ (Petroselinum crispum) เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในอาหารยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน มีถิ่นกำเนิดจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนและยุโรปตะวันตก พาร์สลี่ย์มีรสชาติและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้สามารถนำมาใช้ทั้งในการปรุงอาหารและเป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพได้หลากหลาย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Petroselinum crispum
- วงศ์: Apiaceae
- ลำต้น: ตั้งตรง สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร
- ใบ: มีทั้งแบบหยิก (Curly Leaf) และแบบแบน (Flat Leaf) สีเขียวเข้ม ขอบใบหยัก
- ดอก: ขนาดเล็ก สีขาวหรือเหลือง ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง
- ราก: มีลักษณะเป็นรากแก้ว คล้ายแครอท

ประเภทของพาร์สลี่ย์
- Curly Leaf Parsley – ใบหยิก นิยมใช้เป็นเครื่องตกแต่งอาหาร
- Flat Leaf Parsley (Italian Parsley) – ใบแบน มีรสชาติและกลิ่นแรงกว่า นิยมใช้ปรุงอาหาร
- Root Parsley – พันธุ์ที่มีรากใหญ่ คล้ายแครอท นิยมใช้ทำซุป
คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 36 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 6.3 กรัม
- โปรตีน: 3 กรัม
- ไขมัน: 0.8 กรัม
- ใยอาหาร: 3.3 กรัม
- วิตามินซี: 133 มิลลิกรัม (เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน)
- วิตามินเอ: 8424 IU (ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง)
- วิตามินเค: 1640 ไมโครกรัม (ช่วยบำรุงกระดูกและการแข็งตัวของเลือด)
- แคลเซียม: 138 มิลลิกรัม (ช่วยบำรุงกระดูก)
- ธาตุเหล็ก: 6.2 มิลลิกรัม (ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง)
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ช่วยขับปัสสาวะ – พาร์สลี่ย์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ
- ช่วยบำรุงสายตา – อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีช่วยป้องกันการติดเชื้อและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยบำรุงกระดูก – วิตามินเคและแคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
- ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย – พาร์สลี่ย์มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดสารพิษ
- ช่วยลดกลิ่นปาก – ใบพาร์สลี่ย์สามารถช่วยลดกลิ่นปากได้โดยการเคี้ยวสด
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด – มีฤทธิ์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน – มีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอาการเกร็ง

การใช้พาร์สลี่ย์ในอาหาร
พาร์สลี่ย์สามารถนำมาใช้ในอาหารได้หลากหลาย เช่น:
- เครื่องปรุงและเครื่องเทศ: ใช้เป็นเครื่องปรุงรสในอาหารยุโรป เช่น ซุป พาสต้า และสลัด
- โรยหน้าจานอาหาร: ใช้ตกแต่งจานอาหารให้ดูน่ารับประทาน
- สมูทตี้และน้ำเพื่อสุขภาพ: นำไปปั่นรวมกับน้ำผลไม้เพื่อช่วยล้างสารพิษในร่างกาย
- ซอสและน้ำสลัด: ใส่ในซอสเพสโตหรือซอสกรีนซอสเพื่อเพิ่มรสชาติ
- ชาเพื่อสุขภาพ: นำใบพาร์สลี่ย์แห้งมาต้มเป็นชาเพื่อช่วยขับสารพิษ
วิธีปลูกและดูแลพาร์สลี่ย์
- ดินและแสงแดด – ต้องการดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี และแสงแดดรำไรถึงเต็มวัน
- การรดน้ำ – ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรให้น้ำขัง
- การเพาะปลูก – สามารถเพาะเมล็ดหรือปักชำกิ่ง
- การตัดแต่งกิ่ง – หมั่นตัดแต่งใบเพื่อกระตุ้นการแตกยอดใหม่
- การเก็บเกี่ยว – สามารถเก็บเกี่ยวใบได้เมื่อมีอายุ 2-3 เดือน โดยตัดจากโคนต้น
การแปรรูปและการเก็บรักษา
- การอบแห้ง – นำใบไปตากแห้งแล้วเก็บไว้ในขวดปิดสนิท
- การแช่แข็ง – ใบพาร์สลี่ย์สามารถแช่แข็งเพื่อยืดอายุการใช้งาน
- การทำผงพาร์สลี่ย์ – นำใบแห้งมาบดเป็นผงเพื่อใช้ปรุงอาหาร
ข้อควรระวังในการบริโภคพาร์สลี่ย์
- ไม่ควรบริโภคมากเกินไป – อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือท้องเสีย
- สตรีมีครรภ์ควรระวัง – พาร์สลี่ย์มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูก ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยง – เนื่องจากพาร์สลี่ย์มีโพแทสเซียมสูง อาจส่งผลต่อไต
สรุป
พาร์สลี่ย์ (Petroselinum crispum) เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ นิยมใช้ในอาหารยุโรปและสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู การบริโภคพาร์สลี่ย์ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ การปลูกและดูแลพาร์สลี่ย์ทำได้ง่าย ทำให้เป็นพืชสมุนไพรที่ควรมีไว้ในสวนครัว