กัญชา (Cannabis sativa) เป็นพืชที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก โดยมีการนำไปใช้ทั้งในด้าน การแพทย์ อุตสาหกรรม และสันทนาการ ปัจจุบัน กัญชาได้รับความสนใจในฐานะ พืชเศรษฐกิจใหม่ ที่มีศักยภาพสูงสำหรับ เกษตรกรและนักลงทุน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชา ประโยชน์ วิธีการปลูก และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้
1. กัญชา (Cannabis) คืออะไร?
กัญชาเป็นพืชในวงศ์ Cannabaceae ที่สามารถเติบโตได้ดีในเขตร้อนและเขตอบอุ่น โดยแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่
- Cannabis sativa – เติบโตสูง ให้ผลผลิตสูง มีสาร CBD สูง และ THC ต่ำ
- Cannabis indica – ต้นเตี้ยกว่า ออกดอกเร็ว มี THC สูงกว่า Sativa
- Cannabis ruderalis – ขนาดเล็ก โตเร็ว มักใช้ผสมพันธุ์กับสายพันธุ์อื่น
ส่วนประกอบสำคัญของกัญชา
กัญชามีสารออกฤทธิ์หลักในกลุ่ม แคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ซึ่งมีผลต่อร่างกายและจิตใจ ได้แก่
- THC (Tetrahydrocannabinol) – สารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายหรือมึนเมา
- CBD (Cannabidiol) – ไม่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่มีคุณสมบัติทางยา เช่น ลดอาการอักเสบ คลายเครียด และบรรเทาอาการชัก

2. ประโยชน์ของกัญชา
2.1 ประโยชน์ทางการแพทย์
- บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง – ใช้ในผู้ป่วยมะเร็ง โรคข้ออักเสบ และเส้นประสาทอักเสบ
- ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด – เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการรักษาคุณภาพชีวิต
- ช่วยควบคุมโรคลมชัก – โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน
- บรรเทาอาการของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
- ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
- ช่วยเพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักลด เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS
2.2 ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม
- อุตสาหกรรมสิ่งทอ – เส้นใยกัญชามีความแข็งแรง ใช้ผลิตเสื้อผ้า เชือก กระดาษ
- อุตสาหกรรมพลังงาน – นำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล (Biodiesel)
- วัสดุก่อสร้าง (Hempcrete) – ใช้แทนอิฐซีเมนต์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม – เมล็ดกัญชงมีโปรตีนสูง ใช้ทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
2.3 ประโยชน์ทางเครื่องสำอางและสุขภาพ
- น้ำมันกัญชา (CBD Oil) – ใช้ในครีมบำรุงผิว โลชั่น และเซรั่ม
- ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง เช่น สิว และโรคสะเก็ดเงิน

3. วิธีการปลูกกัญชา
3.1 การเลือกวิธีปลูก
การปลูกกัญชามีหลายวิธี ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน
1) การปลูกกลางแจ้ง (Outdoor Growing)
- ข้อดี: ต้นทุนต่ำ ใช้แสงแดดธรรมชาติ โตเร็ว ผลผลิตสูง
- ข้อเสีย: ควบคุมสภาพอากาศไม่ได้ เสี่ยงต่อแมลงและโรค
2) การปลูกในโรงเรือน (Greenhouse Growing)
- ข้อดี: ควบคุมสภาพอากาศได้บางส่วน ป้องกันศัตรูพืชได้ดี
- ข้อเสีย: ต้องใช้โครงสร้างโรงเรือน และการดูแลที่มากขึ้น
3) การปลูกในร่ม (Indoor Growing)
- ข้อดี: ควบคุมแสง อุณหภูมิ ความชื้นได้อย่างแม่นยำ
- ข้อเสีย: ต้นทุนสูง ต้องใช้ไฟฟ้าสำหรับแสงสังเคราะห์

3.2 ขั้นตอนการปลูกกัญชา
- เลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสม
- หากต้องการ THC สูง ควรเลือก Cannabis indica
- หากต้องการ CBD สูง ควรเลือก Cannabis sativa
- เตรียมดินและภาชนะปลูก
- ดินต้องร่วนซุย ระบายน้ำดี pH ควรอยู่ที่ 6.0-7.0
- สามารถปลูกในกระถางหรือแปลงปลูกได้
- ควบคุมแสงและอุณหภูมิ
- กัญชาต้องการ แสงแดด 12-16 ชั่วโมงต่อวัน
- อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 20-30°C
- การให้น้ำและปุ๋ย
- รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ให้ดินชุ่มแต่ไม่แฉะ
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตรพิเศษสำหรับกัญชา
- การควบคุมแมลงและโรค
- ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ปลูกพืชสมุนไพรที่ไล่แมลง
- ใช้สารชีวภาพแทนสารเคมี
- เก็บเกี่ยวและอบแห้ง
- กัญชาจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อดอกเริ่มเปลี่ยนสีและมีกลิ่นชัดเจน
- หลังเก็บเกี่ยว ต้อง ตากและอบแห้ง เพื่อรักษาคุณภาพของสารสำคัญ

4. กฎหมายเกี่ยวกับกัญชาในประเทศไทย
4.1 การขออนุญาตปลูกกัญชา
- ผู้ที่ต้องการปลูกกัญชา ต้องจดแจ้งผ่านแอปฯ “ปลูกกัญ”
- การปลูกเพื่อการค้า ต้องได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
4.2 ข้อจำกัดทางกฎหมาย
- การใช้กัญชาในที่สาธารณะยังคง ผิดกฎหมาย
- ห้ามจำหน่ายให้ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร
5. สรุป
กัญชา (Cannabis sativa) เป็นพืชที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านการแพทย์ อุตสาหกรรม และสุขภาพ การปลูกกัญชาสามารถทำได้หลายวิธี แต่ต้องปฏิบัติตาม กฎหมายที่กำหนด อย่างเคร่งครัด
คำแนะนำสำหรับเกษตรกรและนักลงทุน
- ศึกษากฎหมายให้ครบถ้วนก่อนเริ่มปลูก
- เลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับตลาด
- ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิต
- หมั่นติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกัญชา
การลงทุนในกัญชา อาจเป็นโอกาสที่ดี แต่ต้องศึกษาให้รอบคอบ
